Thursday, October 16, 2025

🐾 บันทึกจาก “แมวเทาเท้าฟู” : นามปากกาเล็ก ๆ ที่เติบโตไปพร้อมการเริ่มต้น


ตอนฉันตั้งนามปากกา “แมวเทาเท้าฟู” ฉันแค่อยากได้ชื่อที่ฟังดูนุ่มนวล อบอุ่น และเข้ากับบรรยากาศของแพลตฟอร์มนิยายที่ฉันกำลังจะเริ่มต้น

ฉันคิดว่าผู้อ่านของฉันคงเป็นวัยรุ่นที่ชอบเรื่องรักโรแมนติกเบา ๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ฉันกลับพบว่าคนที่ติดตามงานของฉันส่วนใหญ่…คือคนวัยเดียวกันกับฉันเอง

อาจเพราะเรื่องที่ฉันเขียนมัน slow burn  เดินช้าแต่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก และเป็นแนวพีเรียดที่ต้องใช้เวลาและความเข้าใจในบางแง่ของชีวิต

ผู้อ่านที่อยู่ตรงนั้นจึงไม่ใช่ “วัยรุ่น” ตามที่ฉันคาดไว้ตอนแรก แต่เป็นคนที่เข้าใจความนิ่งเงียบ ความอดทน และการเติบโตของความรู้สึกได้อย่างพอดี

ตอนนี้ชีวิตการเขียนของฉันยังเพิ่งเริ่มต้น …เพียง 275 วัน กับผลงาน 2 เล่ม

แต่ก็เพียงพอให้ฉันเห็นว่า “แมวเทาเท้าฟู” เป็นชื่อที่มีพลังของความอิสระ ความหลากหลาย และความเป็นตัวฉันอยู่เต็มเปี่ยม

แมว คือความสงบและเสรี 

เทา คือสมดุลระหว่างแสงกับเงา 

และเท้าฟู คือความอ่อนโยนที่ยังพร้อมจะก้าวเดินต่อ แม้หนทางจะยังอีกยาวไกล


และในขณะที่ “แมวเทาเท้าฟู” ยังคงเดินทางบนเส้นทางของนิยายและบทกวี

อีกด้านหนึ่งของฉันก็กำลังเตรียมตัวจะเปิดโลกใหม่ให้กับงานเขียนแนวอื่น 

แนวที่อาจต่างไปเล็กน้อย แต่ยังคงเป็น “ฉัน” คนเดิมในอีกมิติหนึ่ง


ทุกผลงานจะยังคงถูกรวบรวมไว้ในบล็อกแห่งนี้

เพราะไม่ว่าจะใช้นามปากกาไหน ทั้งหมดก็คือเส้นทางเดียวกันของการเติบโตของฉันในฐานะนักเขียน 💛


ขอบคุณทุกคนที่ร่วมเดินทางมาตลอด 275 วันของ “แมวเทาเท้าฟู”

และขอให้รอติดตาม “อีกนามปากกา” ที่กำลังจะทักทายเร็ว ๆ นี้นะคะ 



ชมผลงานของแมวเทาเท้าฟูทั้งหมดได้ที่นี่

รวมทุกเล่มที่เขียน ทั้งฉบับภาษาไทยและภาษาอังกฤษ นิยาย นิทานกลอน และหนังสือสร้างแรงบันดาลใจ

ไปยังหน้ารวมผลงาน

Friday, October 10, 2025

🌸 ประกาศสำคัญจากนักเขียนค่ะ 🌸 Announcement (🇹🇭/🇬🇧)


🚨Date 14 October 2025

✨ The Crown Princess is now available on Kindle Unlimited!

I’m happy to share that The Crown Princess —
my slow-burn sapphic royal romance —
is now available to read for free with Kindle Unlimited. 💫

This story means a lot to me.

It’s about duty, silence, and the quiet ache of love that dares not speak its name.
If you enjoy heartfelt storytelling with soft emotions and slow-blooming affection,
this one might be for you. 🌿


📖 Read it here: https://www.amazon.com/Crown-Princess-Sapphic-Southeast-Asian-Inspired-ebook/dp/B0F5X9QYWX

💛 Free with Kindle Unlimited
🪶 Or available to purchase as an eBook and paperback.

Thank you to everyone who’s supported my journey —
from the first readers of the Thai version to those discovering this story anew in English.
May this quiet tale find its way to your heart.

— Maewtaotaofu 🕊️


Book cover

👑 The Crown Princess

“If not the daughter of a royal line,
Could I truly claim this queenly role as mine?”


As the first reigning queen of her kingdom,
Isarawadee carries the weight of countless expectations—
and on some days, that weight grows heavier than anyone could ever see.

🛒 Amazon & Kindle Unlimited

📣Date 10 October 2025

เนื่องจากนิยายเรื่อง The Crown Princess
กำลังจะเข้าสู่ระบบ Kindle Unlimited (Amazon KDP Select)
เพื่อเปิดให้อ่านฟรีในแพลตฟอร์ม Kindle 💻✨

ทางนักเขียนจึงขอ ระงับการจำหน่ายชั่วคราว บน Meb และ ปิ่นโต
โดยจะถอดออกจากร้านในวันที่ 13 ตุลาคมนี้

📚 หากใครตั้งใจจะซื้อมาก่อนหน้านี้
สามารถกดซื้อได้ถึงวันที่ 12 ตุลาคมเท่านั้นนะคะ
หลังจากนั้นหนังสือจะเปิดให้อ่านอีกครั้งใน Kindle Store 💫

ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่สนับสนุนมาตลอด 💖
แล้วพบกันอีกครั้งใน Kindle Unlimited (KU) ค่ะ 🌿


🌸 Important Announcement 🌸

My novel The Crown Princess will soon join Kindle Unlimited (Amazon KDP Select) 🌿
To prepare for this, I’ll temporarily suspend sales on Meb and Pinto.
The book will be removed from those stores on October 13.

📚 If you’d like to purchase it before then, it’s available until October 12.
After that, it will return on Kindle Store & Kindle Unlimited 💻✨

Thank you so much for all your love and support! 💖
See you again soon on Kindle 💫


 #KindleUnlimited #LesbianRomance #TheCrownPrincess

(TH/EN) กาลามสูตร — อย่าเพิ่งเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น

🪷 กาลามสูตร — ศรัทธาที่ตั้งอยู่บนการเห็นจริง

สำหรับผู้ที่ยังสงสัย และไม่เชื่ออะไรง่าย ๆ

📖 เรื่องราวจากพระสูตร

กาลามสูตร (องฺ. ติก. 65) เป็นพระสูตรที่พระพุทธเจ้าตรัสแก่ชาวกาลามะ ซึ่งในเวลานั้นมีสมณพราหมณ์และนักบวชหลายสำนักมาเผยแผ่คำสอนแตกต่างกันไป แต่ละฝ่ายต่างก็กล่าวว่าตนเท่านั้นถูก ที่เหลือผิด ทำให้ชาวกาลามะสับสนและสงสัยว่าใครพูดจริงกันแน่

พระพุทธเจ้าจึงทรงสอนว่า อย่าเพิ่งเชื่อ ด้วยเหตุเพียงเพราะว่า —

  • ได้ยินสืบ ๆ กันมา
  • เป็นคำสอนที่เล่าต่อกันมา
  • เป็นตำราหรือคัมภีร์
  • เป็นครูบาอาจารย์สอน
  • เป็นสิ่งที่ตรงกับความเชื่อเดิมของตน

แต่จงพิจารณาเองว่า เมื่อใดที่ธรรมะข้อใด นำไปแล้วไม่เป็นโทษ ไม่เบียดเบียน และนำไปสู่ความสุข เมื่อนั้นควรยึดถือและปฏิบัติ

🌼 เหตุผลที่พระสูตรนี้สำคัญ

กาลามสูตรถือเป็นพระสูตรที่โดดเด่น เพราะไม่สนับสนุนให้เชื่อแบบตาบอด แต่เปิดโอกาสให้ผู้ฟัง ใช้ปัญญาและประสบการณ์ตรง ซึ่งสอดคล้องกับหลัก เอหิปัสสิโก — มาดูเอง ลองเอง เห็นเอง

สำหรับผู้ที่มีนิสัยช่างสงสัย หรือไม่เชื่ออะไรง่าย ๆ พระสูตรนี้เหมือนเป็นการให้ “ใบอนุญาต” ว่าการสงสัยไม่ใช่เรื่องผิด หากนำความสงสัยมาใช้เป็นแรงผลักดันในการตรวจสอบ ทดลอง และปฏิบัติจริง ความสงสัยนั้นย่อมกลายเป็นประตูสู่ความเข้าใจอันมั่นคง

“เมื่อใดท่านเห็นเองว่าธรรมนี้เป็นประโยชน์ นำไปแล้วไม่เป็นโทษ นำไปแล้วเป็นไปเพื่อความสุข นั่นแหละควรยึดถือและปฏิบัติ” — พระพุทธเจ้า (กาลามสูตร, องฺ. ติก. 65)

🔎 เหมาะกับผู้มีจริตแบบใด

กาลามสูตรเหมาะสำหรับผู้ที่:

  • มีนิสัยช่างสงสัย ชอบใช้เหตุผล
  • ไม่เชื่ออะไรเพียงเพราะคำบอกเล่า
  • ต้องการหลักฐานจากประสบการณ์ตรง

พระสูตรนี้ทำให้เห็นว่า การตั้งคำถามและการไม่เชื่อง่าย ๆ ไม่ใช่อุปสรรคต่อการปฏิบัติ แต่กลับเป็นคุณสมบัติที่จะนำไปสู่ศรัทธาที่มั่นคงบนฐานของปัญญาที่ลึกซึ้ง


🔖 จากพระสูตรกาลามสูตร, องฺ. ติก. 65
เรียบเรียงเพื่อเป็นแรงบันดาลใจแก่ผู้เริ่มต้นและผู้ที่ยังสงสัย

👉 กลับไปหน้า Dhamma for the Quiet Path

The Kalama Sutta — Faith Founded on Direct Seeing

🪷 The Kalama Sutta — Faith Founded on Direct Seeing อ่านบทความภาษาไทย TH

For those who doubt, and do not believe easily

📖 The Story of the Sutta

The Kalama Sutta (Aṅguttara Nikāya 3.65) records an encounter between the Buddha and the people of Kesaputta, the Kalamas. At that time, many teachers and ascetics came through their town, each declaring that their doctrine alone was true while others were false. The Kalamas, confused and uncertain, asked the Buddha whom they should believe.

The Buddha replied that one should not believe merely because:

  • it has been repeated through tradition,
  • it is spoken in scriptures,
  • it is taught by teachers or elders,
  • it agrees with one’s habitual views,
  • or because of respect for authority.

Instead, he urged them to investigate for themselves: when a teaching, when put into practice, leads to no harm, no blame, and to the welfare and happiness of oneself and others — then it is worthy to be accepted and lived by.

🌼 Why This Sutta Matters

The Kalama Sutta is remarkable because it does not encourage blind belief. Rather, it encourages critical inquiry and direct experience. This aligns with the principle of ehipassiko — “come and see for yourself.”

For those who are naturally skeptical, analytical, or unwilling to accept claims without evidence, this discourse shows that doubt itself is not an obstacle. When doubt motivates investigation and practice, it becomes a doorway to unshakable confidence grounded in wisdom.

“When you know for yourselves that these qualities are skillful, blameless, praised by the wise, and when adopted and carried out lead to welfare and happiness — then you should enter and remain in them.” — The Buddha (Kalama Sutta, AN 3.65)

🔎 Who This Sutta Speaks To

The Kalama Sutta speaks most directly to those who:

  • question deeply and refuse to accept things on hearsay,
  • seek reasoned understanding and evidence,
  • want to ground faith in personal insight rather than tradition alone.

It reminds us that the path is not about suppressing doubt, but about transforming doubt into wisdom through practice and direct seeing.


🔖 From the Kalama Sutta, Aṅguttara Nikāya 3.65
Adapted as encouragement for those who doubt

👉 Return to Dhamma for the Quiet Path

Tuesday, October 7, 2025

บทกลอนอ่านเล่น “ตามหา…นักอ่าน”

บทกลอนอ่านเล่น 
ลำดับที่ 12

 “ตามหา…นักอ่าน” 🧐


อ่านนิยายฉบับเต็มได้แล้ววันนี้
นิยายรักยูริพีเรียด “องค์หญิงรัชทายาท” 
— เมื่อหัวใจปรารถนา แต่ชะตาไม่อาจครอบครอง —



Monday, September 29, 2025

คำศัพท์จากนิยาย: Serene สงบนิ่งและงดงามในคราวเดียว

คำศัพท์จากนิยาย: Serene

คำศัพท์จากนิยาย: Serene

เวลาที่ฉันแปลนิยายต้นฉบับภาษาไทยออกมาเป็นภาษาอังกฤษ ฉันมักจะต้องเจอคำที่ยากจะถ่ายทอดให้ได้ครบทุกมิติ หนึ่งในคำที่ฉันผูกพันมากคือ serene

ถ้าให้แปลแบบสั้น ๆ มันหมายถึง “สงบ” หรือ “สุขุม” แต่สำหรับฉัน มันคือคำที่สามารถบรรยาย ความสง่างามที่เงียบขรึม และยังแฝงความอบอุ่นไว้ด้วย เป็นความสงบที่โรแมนติก ไม่ใช่ความเงียบว่างเปล่า

🌸 ทำไมต้องใช้คำนี้

ตอนแปลฉากใน The Crown Princess ฉันมักเลือกใช้ serene กับองค์ราชินี เพราะพระองค์ทรงสุขุม สงบนิ่ง แต่ทุกการแสดงออกกลับทำให้ผู้อื่นสัมผัสได้ถึงความมั่นคงและความอ่อนโยนที่ซ่อนอยู่

และฉันก็ยังใช้คำนี้กับบรรยากาศในวังหลวงยามค่ำคืน ที่ความเงียบสงบทำให้เรื่องราวโรแมนติกยิ่งมีพลังมากขึ้น

✨🌙 ตัวอย่างจริงจากนิยาย

การบรรยายองค์ราชินี มาจากซีนหนึ่งที่ฉันชอบมาก แต่สปอยล์เยอะไม่ได้ 😉

“Her expression was serene, yet her eyes held a tenderness meant for Jinda.”

พระพักตร์สงบนิ่ง แฝงไว้ด้วยความอ่อนโยนที่มีไว้เพื่อจินดาเพียงผู้เดียว

คำว่า serene ที่ใช้ในประโยคนี้ จึงไม่ใช่แค่การบรรยายว่า “สงบนิ่ง” แต่ยังแฝงด้วยความงามอันสุขุม ที่ตัดกับอารมณ์อ่อนโยน ทำให้ฉากนั้นมีทั้งความสง่างามและความอบอุ่นในเวลาเดียวกัน

สำหรับใครที่ชอบเก็บคำศัพท์สวย ๆ ไว้ใช้ในงานเขียนหรือการเรียนภาษาอังกฤษ ลองเก็บคำว่า serene ไว้ในลิสต์ดูนะคะ เพราะมันอาจช่วยเปลี่ยนฉากธรรมดาให้ตราตรึงใจขึ้นมาได้ทันที


อ่านนิยายทั้งฉบับภาษาไทยและฉบับภาษาอังกฤษได้แล้ววันนี้
นิยายรักยูริพีเรียด "องค์หญิงรัชทายาท” 
— เมื่อหัวใจปรารถนา แต่ชะตาไม่อาจครอบครอง —


Saturday, September 27, 2025

(TH/EN) How Buddhism Understands “Déjà Vu”

พุทธศาสนามอง “เดจาวู” อย่างไร | How Buddhism Understands Déjà Vu

🪷“Déjà Vu” อ่านภาษาไทย

Reflections based on the Five Aggregates and the workings of the mind

Déjà vu is the feeling that “this moment has happened before,” even though we know it is occurring for the first time. Modern psychology often explains it as a slip in memory, but Buddhism offers a deeper way of looking at this experience.

1. Saññā (Perception/Memory)

Saññā is the aggregate that recognizes and labels sights, sounds, and experiences. When a new situation resembles something previously encountered, the mind links them together, producing the impression that “this has happened before.”

2. Viññāṇa (Consciousness)

Viññāṇa is the awareness that arises from contact with the senses. Sometimes the connection between perception and consciousness is not seamless, creating the illusion of familiarity even in a brand-new event.

3. Past Kamma and Previous Lives

In Buddhist thought, déjà vu may also arise from latent memories of past lives. When present circumstances resemble past experiences in saṃsāra, old impressions are stirred up, giving rise to a sudden sense of recognition.

🌼 A Buddhist Perspective

Déjà vu is not necessarily mystical or supernatural. It can be seen as the natural interplay of saññā (perception) and viññāṇa (consciousness). Sometimes these come from present-life memory; sometimes from much older impressions carried across lifetimes.

With mindfulness, déjà vu becomes an opportunity—not to get lost in fantasy, but to observe how the mind fabricates experience, and to see that these processes are not a permanent self.

“All things are but constructions of the mind.
When seen as they truly are, delusion falls away.”

🔖 Sources: Concepts from the Buddhist Canon on the Five Aggregates (form, feeling, perception, formations, consciousness) and reflections on saṃsāra.
Written by Maewtaotaofu for contemplative reflection.

👉 Return to Dhamma for the Quiet Path

📜 Reading Poem No.2 : The mind set free

(TH/EN) พุทธศาสนามอง “เดจาวู” อย่างไร

พุทธศาสนามอง “เดจาวู” อย่างไร | How Buddhism Understands Déjà Vu

🪷 พุทธศาสนามอง “เดจาวู” อย่างไร Read in English 

แรงบันดาลใจจากการพิจารณาขันธ์ 5 และการทำงานของจิต

เดจาวู (Déjà vu) คือความรู้สึกว่า “เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นนี้ เหมือนเราเคยเจอมาก่อนแล้ว” ทั้งที่ในความเป็นจริง มันเพิ่งเกิดขึ้นครั้งแรกเท่านั้น

1. สัญญา (ความจำได้หมายรู้)

สัญญาเป็นขันธ์ที่ทำหน้าที่ “จดจำและตีตรา” รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส เมื่อประสบการณ์ใหม่บางอย่างคล้ายสิ่งที่เคยเจอมาก่อน จิตจึงเชื่อมโยงอัตโนมัติ ทำให้รู้สึกเหมือนเหตุการณ์นี้ “เคยเกิดขึ้นแล้ว”

 2. วิญญาณ (การรับรู้)

วิญญาณคือการรับรู้สิ่งที่มากระทบ บางครั้งการประสานงานระหว่างวิญญาณกับสัญญาไม่สมบูรณ์ เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นจึงถูกตีความว่าเป็น “สิ่งคุ้นเคย” ทั้งที่จริง ๆ เพิ่งเกิด

 3. กรรมเก่าและอดีตชาติ

ในบางมุมมอง เดจาวูอาจเป็น “สัญญาค้าง” จากอดีตชาติ เหตุการณ์หรือสถานที่บางอย่างเคยผ่านตามาก่อนในวัฏสงสาร เมื่อเจอสถานการณ์ที่คล้ายกันในชาตินี้ สัญญาเก่าจึงถูกกระตุ้น ทำให้รู้สึกเหมือนเคยเกิดขึ้น

🌼 สรุปในมุมพุทธ

เดจาวูไม่ใช่สิ่งลี้ลับจนเกินไป หากแต่เป็นการทำงานของจิตที่เกี่ยวพันกับ สัญญา และ วิญญาณ — บางส่วนมาจากประสบการณ์ชีวิตนี้ บางส่วนอาจมาจากอดีตชาติ

หากเรามีสติ เดจาวูจะไม่ใช่เรื่องน่ากลัวหรือแปลกประหลาด แต่เป็นโอกาสที่จะได้สังเกตจิต และเห็นความจริงของขันธ์ทั้งห้า ว่า “ไม่ใช่ตัวตนถาวร”

“สิ่งทั้งปวงเป็นเพียงการปรุงแต่งของจิต
เมื่อเห็นตามจริง ก็ไม่หลงไปกับมันอีก”

🔖 ที่มา: แนวคิดจากพระไตรปิฎกเรื่องขันธ์ 5 (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) และหลักสังสารวัฏ
จัดทำโดย แมวเทาเท้าฟู เพื่อการเรียนรู้และสร้างแรงบันดาลใจ

👉 กลับไปหน้า Dhamma for the Quiet Path

📜 Reading Poem No.2 : บทกลอน เบื่อหน่ายในสงสาร (TH/EN)

Thursday, September 25, 2025

พระอานนท์ - แรงบันดาลใจจากพระอุปัฏฐากผู้ไม่เคยทิ้งหน้าที่

พระอานนท์ — สงบงามราวพระจันทร์ข้างขึ้น

แรงบันดาลใจจากพระอุปัฏฐากผู้ไม่เคยทิ้งหน้าที่

“แม้อยู่ใกล้ที่สุด ก็ใช่ว่าจะถึงที่สุดก่อน” เรื่องราวของพระอานนท์ ทำให้ฉันเข้าใจคำนี้อย่างลึกซึ้ง

🪷 ประวัติจากพระไตรปิฎก

พระอานนท์ เป็นพระอนุชาของพระพุทธเจ้า และได้ออกบวชตามหลังไม่นาน ท่านมีคุณลักษณะเด่นคือ “ความจำแม่นยำเป็นเลิศ” หรือที่เรียกว่า พุทธานุสาสนีกถา สามารถจดจำพระธรรมคำสอนทั้งหมดได้อย่างถูกต้องทุกถ้อยคำ ซึ่งเป็นเหตุให้ท่านกลายเป็นบุคคลสำคัญอย่างยิ่งในการ สังคายนาพระธรรมวินัยครั้งแรก หลังการปรินิพพานของพระพุทธเจ้า

แต่สิ่งที่ทำให้ฉันซาบซึ้งยิ่งกว่าความจำแม่น คือเรื่องราวของการ รับหน้าที่เป็นพระอุปัฏฐากประจำพระองค์

ในพรรษาที่ 20 หลังจากที่พระพุทธเจ้าทรงไม่มีภิกษุรับใช้ประจำ พระองค์จึงมีพระดำริให้มีผู้ใดสักรูปเป็นพระอุปัฏฐากอย่างเป็นทางการ เมื่อภิกษุทั้งหลายเสนอชื่อพระอานนท์ ท่านกลับ ปฏิเสธอย่างถ่อมตน เพราะเกรงว่าจะดูเป็นการใกล้ชิดเกินควร ทว่าเมื่อหมู่สงฆ์ยังยืนกราน ท่านจึงยอมรับ โดยตั้งเงื่อนไข 8 ประการ ที่สะท้อนความเสียสละอย่างลึกซึ้งที่สุดที่ฉันเคยพบ

  • 1. จะไม่รับจีวรที่พระพุทธเจ้าประทาน
  • 2. จะไม่ฉันบิณฑบาตที่พระองค์ประทาน
  • 3. จะไม่ขอให้ตามเสด็จไปยังที่ที่ตนได้รับนิมนต์
  • 4. จะไม่ขอให้พระองค์เสด็จไปยังที่ที่ตนได้รับนิมนต์
  • 5. จะไม่ขอให้พระองค์แสดงธรรมเฉพาะตน
  • 6. จะไม่ขอให้แสดงธรรมบทที่ยังไม่แสดง
  • 7. จะขออนุญาตให้ผู้มาเฝ้าเข้าเฝ้าได้
  • 8. หากตนไม่ได้ฟังธรรมที่พระองค์ทรงแสดง จะขออนุญาตทูลถามภายหลังได้

พระพุทธเจ้าทรงรับทุกข้อเงื่อนไข และพระอานนท์ก็ได้ทำหน้าที่นั้นตลอด 25 พรรษาที่เหลือ โดยไม่เคยขาดตกบกพร่องเลย

แม้จะใกล้ชิดพระพุทธเจ้าที่สุด แต่พระอานนท์กลับยัง ไม่บรรลุอรหัตผล แม้ว่าพระพุทธองค์ทรงดับขันธปรินิพพานไปแล้ว และท่านก็เกือบจะไม่ได้เข้าร่วมสังคายนา เพราะยังเป็น “พระขีณาสพ” ไม่สมบูรณ์ แต่ด้วยเป็นพระที่ถ่อมตนและพหูสูตรจดจำพระธรรมได้ดีที่สุด จึงได้รับให้เข้าร่วมการสังคยานาในที่สุด แม้กระนั้นท่านเองได้ตั้งจิตภาวนาอย่างแรงกล้า กระทั่งในคืนก่อนวันสังคายนา ขณะเปลี่ยนอิริยาบถยกเท้าจากพื้นและกำลังล้มตัวลงสู่ท่านอน ท่านก็บรรลุอรหัตผลในวินาทีนั้น — เป็นชัยชนะทางธรรมที่งดงามยิ่ง

🌕 สิ่งที่ฉันเรียนรู้จากพระอานนท์

เรื่องราวของพระอานนท์ เป็นสิ่งที่ฉันระลึกถึงเสมอในวันที่รู้สึก “ทำดีอยู่แต่ก็ยังไม่ถึงไหน” หรือในวันที่รู้สึกว่าหนทางแห่งการหลุดพ้นช่างยาวไกลเกินเอื้อมถึง

สิ่งที่ท่านแสดงให้เห็น ไม่ใช่แค่ความใกล้ชิดกับพระศาสดา แต่คือ ความอดทน ความรู้หน้าที่ และความเสียสละอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะในเงื่อนไขทั้ง 8 ที่ท่านตั้งไว้ — เป็นการประกาศว่า “ข้าจะรับใช้ด้วยใจบริสุทธิ์ โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทนเลย”

ในวันที่เราเฝ้ารอผลแห่งการภาวนาอย่างกระวนกระวาย พระอานนท์ทำให้ฉันเข้าใจว่า

บางคนไปถึงก่อน บางคนไปถึงหลัง แต่หากยังไม่หยุดเดิน ย่อมถึงเหมือนกัน

📚 ที่มา: พระไตรปิฎกเล่มที่ ๗ พระวินัยปิฎกเล่มที่ ๗ จุลวรรค และอรรถกถาเพิ่มเติม

— บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของ รวมซีรีส์พระสูตรสร้างแรงบันดาลใจ Sutras for the Quiet Path

Monday, September 22, 2025

Poem No. 11 — At the Crossroads 🚦

บทกลอนอ่านเล่นลำดับที่ 11 — เมื่อชีวิตถึงทางแยก
บทกลอนอ่านเล่นลำดับที่ 11

เมื่อชีวิตถึงทางแยก

Reading Poem No. 11 — At the Crossroads

บทกลอนนี้เขียนขึ้นจากเสียงในใจของนักเขียนเอง
มันไม่ใช่แค่ถ้อยคำสวยงาม
แต่มันคือ “คำสั่ง” ที่ต้องทำให้จริง

When a poem speaks from my own heart, it’s not just beautiful—it’s a command I must live by.

เมื่อชีวิตถึงทางแยก
เมื่อชีวิต เดินมา ถึงทางแยก ทางที่แปลก แตกต่าง ดุจไพรสณฑ์ อย่างป่าเขา รกเรี้ยว เที่ยววกวน ใจผจญ เลือกทาง เพียงหนึ่งเดียว อย่าหวั่นไหว กับเสียง ที่ย้อนถาม อย่าครั่นคร้าม รอบข้าง ชวนแลเหลียว อย่าหลงเงา ในอดีต เชือนแชเชียว จงปราดเปรียว มุ่งมั่น ในใจตน ถ้าใจมัว ลังเล หันหลังกลับ คือฝันดับ ด้วยมือตน ไม่ฉงน จะได้ตาย อายหน้า ในบัดดล จำต้องทน เห็นแต่ฝั่ง ไม่ถึงเอง

At the Crossroads
When life arrives at a branching way, each path unknown, like forests gone astray— dense hills and tangled trails that twist and reel, yet heart must choose just one with steady will. Don’t waver at the voices that call back, don’t flinch at crowds that urge you off your track. Don’t chase the shadows of the past you’ve known— be swift, be firm, and walk the path alone. If you still linger, doubting what you chose, you’ll silence truth and let confusion grow. You may die ashamed, with dreams undone— left staring at the shore, but never reaching one.
⚠️ Copying or capturing this page is not allowed.