Sunday, August 17, 2025

แนวคิดความเท่าเทียมผ่านตัวละคร ราชินี, จินดา, และอดีตราชา



นิยายเรื่องแรกของฉันเป็นแนว LGBTQ+ fiction ดังนั้นสิ่งที่ฉันให้ความสำคัญมากที่สุดคือ “ความเท่าเทียม” โดยเฉพาะในแง่ของเพศและความเป็นมนุษย์ที่หลากหลาย ฉันอยากให้งานเขียนของฉันสื่อถึงความเสมอภาคอย่างเป็นธรรมชาติ แม้เนื้อเรื่องจะอยู่ในโลกสมมติและมีบรรยากาศย้อนยุค แต่ฉันไม่ได้เขียนด้วยความโลกสวยถึงขั้นมองข้ามข้อจำกัดของความเป็นจริง โดยเฉพาะข้อเท็จจริงทางร่างกายระหว่างเพศ

ตัวละครเอกของฉันเป็นผู้หญิง ฉันไม่ต้องการทำให้พวกเธอดูเก่งเกินจริงหรือไร้ข้อจำกัดทางกายภาพ เพราะในชีวิตจริง หญิงสาวย่อมเผชิญกับข้อจำกัดบางอย่างที่แตกต่างจากผู้ชาย และเมื่ออยู่ในบริบทของโลกโบราณที่ชีวิตไม่ได้สะดวกสบาย ความท้าทายก็ยิ่งมากขึ้น 

 แล้วเราจะยังพูดถึงความเท่าเทียมได้อย่างไร? 

สำหรับฉัน ความเท่าเทียมไม่ใช่การทำให้ทุกคนเหมือนกัน แต่คือการยอมรับธรรมชาติของกันและกัน ให้เกียรติในความเหมือนและความต่าง และไม่ใช้ความเหนือกว่าทางกายภาพหรือสถานะมากดทับหรือเบียดเบียนผู้อื่น เช่น ถ้าตัวใหญ่กว่า ก็ไม่ควรรังแกคนตัวเล็กกว่า ถ้ารวยกว่าหรือมีอำนาจมากกว่า ก็ไม่ควรใช้อำนาจนั้นอย่างดูถูกหรือข่มผู้อื่น เพราะการกระทำเช่นนั้นไม่ใช่สิ่งที่น่าเคารพเลย

ในโลกของนิยายที่ฉันสร้างขึ้น ทุกคนต่างเคารพซึ่งกันและกันโดยไม่ลืมธรรมชาติของชีวิต ไม่มีใครลืมหน้าที่ของตน หรือคิดว่าตัวเองจะอยู่ค้ำฟ้าไปตลอด อำนาจ ลาภยศ หรือความสะดวกสบาย  ล้วนเป็นสิ่งที่ดี หากเรารู้จักใช้และรักษาไว้ให้ยั่งยืน เนื้อเรื่องของฉันจึงพูดถึงการปกครองที่ต้องการสร้างความสงบ ความพอเพียง และการมีอยู่ร่วมกันของทุกคนอย่างยั่งยืน ผู้นำในเรื่องไม่ได้สมบูรณ์แบบ พวกเขาก็ต้องเรียนรู้ ฝ่าฟัน และเผชิญความเปลี่ยนแปลง รวมถึงความหลงผิดของคนบางกลุ่มเช่นเดียวกัน

ตัวแทนของการเรียนรู้ การเสียสละ และการมองการณ์ไกล

องค์ราชินี ในนิยายของฉันเป็นตัวแทนของผู้นำที่เลือกปกครองด้วยความเหมาะสม โดยมีเป้าหมายเพื่อความยั่งยืนและความเท่าเทียม พระองค์ไม่ใช่ผู้นำที่เพียงแต่ได้รับโอกาสจากฐานะ หากแต่เป็นผู้ที่ใช้โอกาสนั้นอย่างเต็มความสามารถ ค่อย ๆ วางรากฐานอย่างมั่นคง คิดอย่างรอบคอบ และลงมือทำจริง พระองค์ไม่ได้อยู่แค่ในห้องทรงงาน แต่เข้าใจสถานการณ์จริงและพร้อมจะเผชิญกับปัญหาด้วยตัวเอง

ขณะเดียวกัน จินดา — ตัวละครอีกคน — คือภาพแทนของคนรุ่นใหม่ที่เลือกจะเข้าใจโลก ไม่ใช่เพื่อเปลี่ยนแปลงโลกตามใจตน แต่เพื่อเรียนรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนนั้นต้องอาศัยทั้งความเข้าใจในนโยบายและหัวใจของผู้คน เธอรู้หน้าที่ของตนเอง และเลือกจะสละความสุขส่วนตัวไม่ใช่เพราะเป็นนางเอกในนิยาย หากแต่เพราะเธอเห็นว่าความเสียสละนั้นไม่ได้ลดทอนความเป็นมนุษย์ของเธอเลย

จินดาไม่อ้างสิทธิ์ ไม่เรียกร้องอำนาจ แม้เธอจะเป็นธิดาของเจ้าเมืองใหญ่ที่มั่งคั่ง มีอิทธิพลทั้งด้านเศรษฐกิจและกำลังคน แต่เธอก็ไม่ใช้ต้นทุนเหล่านั้นเป็นเครื่องมือในการก้าวขึ้นสู่อำนาจ เธอไม่ใช่คนเกียจคร้าน หากแต่เลือกที่จะไม่ทำในสิ่งที่แม้จะ “ทำได้” แต่จะสร้างปัญหาตามมาในระยะยาว เธอเชื่อในบทเรียนจากอดีต และรู้ว่าไม่จำเป็นต้องลงมือผิดพลาดก่อนถึงจะเรียนรู้

องค์อดีตราชา(ราชาอนันตวรมัน) ในเรื่อง ก็เป็นตัวแทนของการเปิดโอกาสที่แท้จริง พระองค์ไม่ได้ใช้อำนาจในฐานะกษัตริย์บังคับให้ใครคล้อยตามทันที หากแต่ค่อย ๆ วางรากฐานด้วยความเข้าใจและอดทน ตัวอย่างหนึ่งคือ เมื่อพระธิดาของพระองค์อายุเพียง 14 พระองค์ได้บอกกับพระธิดาว่าจะแต่งตั้งให้เป็นองค์รัชทายาทเพื่อสร้างความมั่นใจและเตรียมพร้อม จนเมื่อพระธิดาอายุ 18 ชันษาจึงแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ พร้อมเปิดพื้นที่ให้องค์ราชาได้ประเมินระบบการทำงานและฟังเสียงประชาชน เพื่อให้การขึ้นครองราชย์ขององค์รัชทายาทหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์อาณาจักรนี้เป็นไปอย่างรอบคอบที่สุด

เมื่อองค์รัชทายาทมีพระชนม์มายุ 22 ชันษา องค์ราชาก็สละราชสมบัติ ให้พระธิดาขึ้นครองราชย์เป็นราชินี เพื่อสานต่อเจตนารมณ์ และเห็นด้วยตนเองถึงความตั้งใจที่มั่นคงของพระธิดาที่เคยได้เพียงชื่อว่า “ผู้สืบทอด” และบัดนี้เป็น “ผู้นำ” อย่างแท้จริง


🎉All time Popular Posts✨