Thursday, May 15, 2025

🕰️การบอกเวลาในยุคโบราณ ยุคพีเรียด

จังหวะของชีวิตที่เดินตามแสงแดด🕰️

ก่อนที่นาฬิกาจะกลายเป็นสิ่งธรรมดาประจำข้อมือ การบอกเวลาในยุคโบราณนั้นอาศัยสิ่งที่ธรรมชาติมอบให้—แสงอาทิตย์ เสียงระฆัง เงาของไม้ และการสังเกตพฤติกรรมของผู้คนรอบตัว


1. เวลากลางวัน: ใช้ดวงอาทิตย์เป็นนาฬิกาหลวง 🌤️

เวลาเช้า: เริ่มตั้งแต่แสงแรกปรากฏ จนกระทั่งพระอาทิตย์ขึ้นเต็มดวง

สาย – เที่ยง – บ่าย: สังเกตจากความยาวของเงา หรือระดับแสงบนท้องฟ้า

เย็น: เมื่อเงายาวมากขึ้น แสงเริ่มอ่อน พระอาทิตย์เริ่มคล้อยสู่ตะวันตก

ผู้คนมักอ้างอิงเวลาแบบกว้าง ๆ เช่น

“หลังย่ำรุ่ง”, “ยามแดดจัด”, “ก่อนแสงหมด”, หรือ “เย็นคล้อย”


2. เวลากลางคืน: ใช้ระบบ “ยาม” แบ่งระยะเวลา 🌙

ราชสำนักในหลายอารยธรรม รวมถึงตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แบ่งเวลากลางคืนออกเป็น “ห้ายาม”

แต่ละยามยาวประมาณ สองชั่วโมง เริ่มนับตั้งแต่ช่วงเย็นไปจนถึงรุ่งเช้า

ยาม เวลาโดยประมาณ (ตามสมัยปัจจุบัน)

ยามหนึ่ง 18.00 – 20.00 น. แสงสุดท้าย, เริ่มเฝ้ายาม

ยามสอง 20.00 – 22.00 น. เงียบสงัด, ประตูวังปิด

ยามสาม 22.00 – 00.00 น. เวรดึก, ผู้คนหลับสนิท

ยามสี่ 00.00 – 02.00 น. เย็นจัด, ช่วงเปลี่ยนเวรยาม

ยามห้า 02.00 – 04.00 น. ฟ้าเริ่มสาง, แรงงานเริ่มตื่นตัว

เสียง “ย่ำยาม” จากระฆังหรือตะบองไม้จะดังในแต่ละยาม เพื่อให้คนในราชสำนักและเมืองรู้ถึงเวลาเปลี่ยนเวรหรือเริ่มกิจกรรมต่าง ๆ

3. ระยะเวลาต่าง ๆ: วัดอย่างคร่าว แต่อิงจังหวะชีวิต⏳

หนึ่งวันหนึ่งคืน: หมายถึงเวลา ครบหนึ่งรอบจากเช้าจนถึงเช้าของวันถัดไป

หนึ่งยาม: ราวสองชั่วโมง

ครึ่งยาม / เพียงครู่ / เพียงอึดใจ: ใช้เรียกช่วงสั้น ๆ ของเวลา

หลายวัน / หนึ่งเดือน / ฤดูหนึ่ง: ใช้เรียกเวลานานแบบกว้าง ๆ ไม่ต้องแม่นเป๊ะ


4. การนับเวลาเป็น “บาท” – ระบบนับย่อยในแต่ละยาม🕛🕧

ในราชสำนักไทยโบราณ โดยเฉพาะในช่วงกรุงศรีอยุธยาและรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีการใช้หน่วยเวลาเรียกว่า “บาท” เพื่อแบ่งย่อยภายในแต่ละยาม

โดย 1 ยาม = 2 ชั่วโมง (โดยประมาณ) และจะแบ่งออกเป็น 8 บาท

ดังนั้น 1 บาท = ราว 15 นาที ในมาตรฐานปัจจุบัน


การนับบาทนิยมใช้กับพิธีสำคัญ การเข้าเวร หรือการนัดหมายในราชการ เช่น

“เปลี่ยนเวรในยามสามบาทหนึ่ง” → แปลว่าเวลาเริ่มต้นยามสาม ผ่านไปแล้วประมาณ 15 นาที

“เคลื่อนขบวนในบาทสุดท้ายของยามห้า” → ใกล้รุ่งเช้าแล้ว


ตัวอย่างการนับบาทในราชสำนัก:

ช่วงเวลาโดยประมาณ ยาม+บาท

18.00 น. ยามหนึ่ง บาทหนึ่ง ➡️ เริ่มค่ำ

21.45 น. ยามสอง บาทเจ็ด  ➡️ ค่ำดึกแล้ว

03.30 น. ยามห้า บาทเจ็ด  ➡️ ใกล้รุ่งสาง


แม้จะเป็นระบบที่ไม่ใช้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน แต่ยังเห็นได้บ่อยใน ราชพิธี, บทกวี, และพงศาวดาร

โดยเฉพาะในบริบทที่ต้องการความเป๊ะ เช่น การตั้งเวรยาม หรือการนัดหมายสำคัญ

แล้วในโลกของ “รัตตมธานี” ล่ะ?

เนื่องจากนิยายเรื่อง องค์หญิงรัชทายาท ดำเนินเรื่องใน ดินแดนสมมุติ ที่มีลักษณะใกล้เคียงอารยธรรมตะวันออกโบราณ

การบอกเวลาจึงอิงตามวิถีดั้งเดิมแบบที่กล่าวมา—ใช้แสงแดด ยามกลางคืน และสัญญาณธรรมชาติ

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้นักอ่าน เข้าใจง่าย และไม่รู้สึกสะดุด

ผู้เขียนจึงอาจเลือกใช้คำบอกเวลาร่วมสมัยบ้าง เช่น “หัวค่ำ”, “สองทุ่ม”, “รุ่งเช้า” หรือ “เที่ยงวัน”

เพื่อรักษาอรรถรสในการเล่าเรื่อง และคงความไหลลื่นของภาษา

ดังนั้น ในระหว่างที่ผู้อ่านเพลิดเพลินไปกับเรื่องราวของราชสำนัก กลุ่มก่อการชายแดน หรือเสียงพินลึกลับในเรือนท้ายสระ

ขอให้ทราบว่า—เวลาในรัตตมธานีอาจไม่เป๊ะเหมือนนาฬิกาข้อมือ แต่เดินไปพร้อมกับจังหวะของชีวิตผู้คน

…ซึ่งบางครั้ง หนึ่งยามที่เงียบ อาจเปลี่ยนแปลงทั้งราชอาณาจักร


 


Read more …🔗Behind the book 


สนับสนุนผลงานของนักเขียน 

อีบุ๊ค | E-Books

Quote

“No one is perfect from the start. But you will learn… and you will be a great queen if you trust in yourself.” ~The Former King~ (The Crown Princess - Chapter 5)

📚คลังบทความสาระ & แรงบันดาลใจ สำหรับนักเขียน นิยาย อีบุ๊ค และการเติบโตบนโลกออนไลน์