จังหวะของชีวิตที่เดินตามแสงแดด🕰️
ก่อนที่นาฬิกาจะกลายเป็นสิ่งธรรมดาประจำข้อมือ การบอกเวลาในยุคโบราณนั้นอาศัยสิ่งที่ธรรมชาติมอบให้—แสงอาทิตย์ เสียงระฆัง เงาของไม้ และการสังเกตพฤติกรรมของผู้คนรอบตัว
1. เวลากลางวัน: ใช้ดวงอาทิตย์เป็นนาฬิกาหลวง 🌤️
• เวลาเช้า: เริ่มตั้งแต่แสงแรกปรากฏ จนกระทั่งพระอาทิตย์ขึ้นเต็มดวง
• สาย – เที่ยง – บ่าย: สังเกตจากความยาวของเงา หรือระดับแสงบนท้องฟ้า
• เย็น: เมื่อเงายาวมากขึ้น แสงเริ่มอ่อน พระอาทิตย์เริ่มคล้อยสู่ตะวันตก
ผู้คนมักอ้างอิงเวลาแบบกว้าง ๆ เช่น
“หลังย่ำรุ่ง”, “ยามแดดจัด”, “ก่อนแสงหมด”, หรือ “เย็นคล้อย”
2. เวลากลางคืน: ใช้ระบบ “ยาม” แบ่งระยะเวลา 🌙
ราชสำนักในหลายอารยธรรม รวมถึงตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แบ่งเวลากลางคืนออกเป็น “ห้ายาม”
แต่ละยามยาวประมาณ สองชั่วโมง เริ่มนับตั้งแต่ช่วงเย็นไปจนถึงรุ่งเช้า
ยาม เวลาโดยประมาณ (ตามสมัยปัจจุบัน)
ยามหนึ่ง 18.00 – 20.00 น. แสงสุดท้าย, เริ่มเฝ้ายาม
ยามสอง 20.00 – 22.00 น. เงียบสงัด, ประตูวังปิด
ยามสาม 22.00 – 00.00 น. เวรดึก, ผู้คนหลับสนิท
ยามสี่ 00.00 – 02.00 น. เย็นจัด, ช่วงเปลี่ยนเวรยาม
ยามห้า 02.00 – 04.00 น. ฟ้าเริ่มสาง, แรงงานเริ่มตื่นตัว
เสียง “ย่ำยาม” จากระฆังหรือตะบองไม้จะดังในแต่ละยาม เพื่อให้คนในราชสำนักและเมืองรู้ถึงเวลาเปลี่ยนเวรหรือเริ่มกิจกรรมต่าง ๆ
3. ระยะเวลาต่าง ๆ: วัดอย่างคร่าว แต่อิงจังหวะชีวิต⏳
• หนึ่งวันหนึ่งคืน: หมายถึงเวลา ครบหนึ่งรอบจากเช้าจนถึงเช้าของวันถัดไป
• หนึ่งยาม: ราวสองชั่วโมง
• ครึ่งยาม / เพียงครู่ / เพียงอึดใจ: ใช้เรียกช่วงสั้น ๆ ของเวลา
• หลายวัน / หนึ่งเดือน / ฤดูหนึ่ง: ใช้เรียกเวลานานแบบกว้าง ๆ ไม่ต้องแม่นเป๊ะ
4. การนับเวลาเป็น “บาท” – ระบบนับย่อยในแต่ละยาม🕛🕧
ในราชสำนักไทยโบราณ โดยเฉพาะในช่วงกรุงศรีอยุธยาและรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีการใช้หน่วยเวลาเรียกว่า “บาท” เพื่อแบ่งย่อยภายในแต่ละยาม
โดย 1 ยาม = 2 ชั่วโมง (โดยประมาณ) และจะแบ่งออกเป็น 8 บาท
ดังนั้น 1 บาท = ราว 15 นาที ในมาตรฐานปัจจุบัน
การนับบาทนิยมใช้กับพิธีสำคัญ การเข้าเวร หรือการนัดหมายในราชการ เช่น
• “เปลี่ยนเวรในยามสามบาทหนึ่ง” → แปลว่าเวลาเริ่มต้นยามสาม ผ่านไปแล้วประมาณ 15 นาที
• “เคลื่อนขบวนในบาทสุดท้ายของยามห้า” → ใกล้รุ่งเช้าแล้ว
ตัวอย่างการนับบาทในราชสำนัก:
ช่วงเวลาโดยประมาณ ยาม+บาท
18.00 น. ยามหนึ่ง บาทหนึ่ง ➡️ เริ่มค่ำ
21.45 น. ยามสอง บาทเจ็ด ➡️ ค่ำดึกแล้ว
03.30 น. ยามห้า บาทเจ็ด ➡️ ใกล้รุ่งสาง
แม้จะเป็นระบบที่ไม่ใช้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน แต่ยังเห็นได้บ่อยใน ราชพิธี, บทกวี, และพงศาวดาร
โดยเฉพาะในบริบทที่ต้องการความเป๊ะ เช่น การตั้งเวรยาม หรือการนัดหมายสำคัญ
แล้วในโลกของ “รัตตมธานี” ล่ะ?
เนื่องจากนิยายเรื่อง องค์หญิงรัชทายาท ดำเนินเรื่องใน ดินแดนสมมุติ ที่มีลักษณะใกล้เคียงอารยธรรมตะวันออกโบราณ
การบอกเวลาจึงอิงตามวิถีดั้งเดิมแบบที่กล่าวมา—ใช้แสงแดด ยามกลางคืน และสัญญาณธรรมชาติ
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้นักอ่าน เข้าใจง่าย และไม่รู้สึกสะดุด
ผู้เขียนจึงอาจเลือกใช้คำบอกเวลาร่วมสมัยบ้าง เช่น “หัวค่ำ”, “สองทุ่ม”, “รุ่งเช้า” หรือ “เที่ยงวัน”
เพื่อรักษาอรรถรสในการเล่าเรื่อง และคงความไหลลื่นของภาษา
ดังนั้น ในระหว่างที่ผู้อ่านเพลิดเพลินไปกับเรื่องราวของราชสำนัก กลุ่มก่อการชายแดน หรือเสียงพินลึกลับในเรือนท้ายสระ
ขอให้ทราบว่า—เวลาในรัตตมธานีอาจไม่เป๊ะเหมือนนาฬิกาข้อมือ แต่เดินไปพร้อมกับจังหวะของชีวิตผู้คน
…ซึ่งบางครั้ง หนึ่งยามที่เงียบ อาจเปลี่ยนแปลงทั้งราชอาณาจักร
Read more …🔗Behind the book
สนับสนุนผลงานของนักเขียน
อีบุ๊ค | E-Books