Monday, June 30, 2025

(TH/EN) 1 วันของนักเขียนนิยายยูริ ตอนที่1 📖 A Day in the Life of a Yuri Author – Part 1

☕ 1 วันของนักเขียนนิยายยูริ | ตอนที่ 1
📖 A Day in the Life of a Yuri Author – Part 1

"เช้านี้ฉันเขียนอะไรไม่ได้เลย… แต่นั่นก็เป็นส่วนหนึ่งของการเขียน"
(This Morning I Couldn’t Write a Thing… And That’s Okay)

วันธรรมดาของฉันเต็มไปด้วยตารางงาน แน่นเอี้ยด ตั้งแต่เช้าจรดเย็น
My weekdays are packed from morning till night with meetings and tasks.

จันทร์ถึงศุกร์ ฉันทำงานประจำที่ทั้งจริงจังและวุ่นวาย บางวันหัวแทบระเบิด บางวันก็เหมือนลืมหัวใจไว้ที่ไหนสักแห่งในห้องประชุม
Monday through Friday, I work a demanding full-time job. Some days my head feels like it’ll explode. Other days, it’s like I’ve left my heart behind in some meeting room.

แต่พอเข้าสู่วันเสาร์ เหมือนมีปุ่มพิเศษในหัวใจที่เปิดขึ้นโดยอัตโนมัติ
But when Saturday comes, it’s like a secret switch inside my heart flips on automatically.

ฉันตื่นก่อนเวลาปกติ...ใช่ค่ะ ตื่นเช้ากว่าวันทำงานอีกเสียด้วยซ้ำ
I wake up earlier than usual...earlier than on workdays, even.

ทั้งที่ไม่มีนาฬิกาปลุก ไม่มีความเร่งรีบใด ๆ รออยู่เลย
No alarm. No pressure. Nothing waiting for me, really.

เช้าแบบนี้ ฉันมักจะเอื้อมมือไปเปิด iPad
On mornings like these, I reach for my iPad.

มืออีกข้างเปิดแอปสั่งกาแฟเย็นหวานน้อย (แต่ใจไม่ได้หวานน้อยตาม)
With the other hand, I open my app to order an iced coffee...less sugar, though not necessarily less sweet inside.

จากนั้นก็เคาะแป้นคีย์บอร์ดคู่ใจ เบา ๆ ทีละตัวอักษร... หรืออย่างน้อยนั่นคือสิ่งที่ตั้งใจไว้
Then I start tapping on my favorite keyboard... or at least, that’s the plan.

แต่เชื่อไหมคะ—หลายเช้า ฉันเขียนไม่ออกเลยแม้แต่คำเดียว
But believe it or not...on many mornings, I can’t write a single word.

แม้จะมีโครงเรื่องอยู่ในหัว
Even with the plot clearly in my mind,

แม้จะมีตัวละครยูริสองคนที่รักกันจนอยากจะพูดอะไรสักอย่างออกมา
Even with two girls in love whispering their story to me,

แม้จะมีฉากหนึ่งที่อยากให้ทั้งคู่ได้สบตา
Even with a scene waiting for their eyes to meet…

แต่ทุกอย่างกลับนิ่ง เหมือนน้ำในบ่อที่ไม่ยอมกระเพื่อม
Everything stays still. Like water in a pond that won’t ripple.

ฉันพิมพ์... ลบ... พิมพ์อีก... ลบอีก...
I type... delete... type again... and delete again.

บางทีอาจเพราะความเหนื่อยสะสมจากวันทำงาน
Maybe it’s the exhaustion I’ve been carrying from work.

บางทีอาจเพราะจิตใจยังไม่ไหลไปกับเรื่องราว
Maybe my heart just isn’t flowing with the story yet.

หรือบางทีฉันอาจแค่... หิวความสบายใจมากกว่าคำบรรยาย
Or maybe I’m just hungrier for peace than prose today.

พอเขียนไม่ได้ ฉันก็หาอย่างอื่นทำ (และนี่คือจุดเริ่มต้นของความวินาศอย่างสงบ)
When I can’t write, I look for other things to do. (And that’s how peaceful destruction begins.)

ฉันเปิดคลิป “เรื่องผี” ฟังเพลิน ๆ เพื่อขับไล่ความคิดฟุ้งซ่าน (แต่ลึก ๆ ก็ฟังเอามัน)
I play a ghost story video in the background to quiet the noise in my head (but honestly, I enjoy them too much).

แต่ก็รู้อยู่แก่ใจว่า... พอฟังแล้วมันไม่เคยจบแค่ตอนเดียว
And I know myself too well...it’s never just one episode.

ลากยาวไปอีกสามตอน ฟังไปก็ไถ X ไป
Three episodes later, I’m still there, scrolling through X while listening.

จนเผลอไปสะดุดกับคลิป #หลิงออม (คู่ชิปในดวงใจของฉัน)
Until I stumble upon a #LingOrm fan edit...my beloved ship.

แล้วเท่านั้นแหละค่ะ... ช่วงเช้าที่ตั้งใจจะ “แต่งนิยาย” ก็กลายเป็นเช้าของ “หัวใจเต้นเบา ๆ” แทน
And just like that… my writing morning becomes a heart-fluttering one instead.


และแม้จะรู้สึกผิดนิดหน่อยกับหน้าว่างๆที่รออยู่
And yes, I feel a little guilty about the blank pages waiting for me.

ฉันกลับพบว่า... การเขียนไม่ได้ก็เป็นส่วนหนึ่งของการเขียน
But I’ve realized… not writing is still part of writing.

มันเป็นการบอกตัวเองว่า... วันนี้ยังไม่ใช่ แต่ฉันยังอยู่ตรงนี้กับเรื่องราวของเรา
It’s how I tell myself...today might not be the day, but I’m still here with the story.

ยังรักการเขียนเหมือนเดิม
I still love writing, just the same.

ยังรอให้ตัวละครสองคนนั้นเดินกลับมาพร้อมเสียงกระซิบในใจ
Still waiting for those two girls to walk back into the scene, whispering in my heart.

ว่า… "ฉันพร้อมจะเล่าเรื่องของเราแล้วนะ"
Saying... “I’m ready to tell our story now.”


ขอบคุณที่อ่าน และหวังว่าคุณจะมีวันเสาร์ที่เต็มไปด้วยเรื่องเล่าในหัวใจเหมือนกัน :)
Thanks for reading. I hope your Saturday is full of stories waiting to be told. :)

🔗Read & Feel the love 💕 


✍️อ่านตอนใหม่: 1 วันของนักเขียนนิยายยูริ ตอนที่ 2: เมื่อฉันขังตัวเองไว้กับตัวละครหญิงสองคนในห้องเดียวกัน
A Day in the Life of a Yuri Author – Part 2 Spending All Day Locked in a Room with Two Girls in Love

✍️รวมบันทึกของนักเขียนยูริผู้(มัก)เขียนไม่ออก
Read more "Yuri Author Diaries"

✍️ อ่านต่อ เบื้องหลังตัวละคร “จินดา"
Behind the Character: Lady Jinda

✍️อ่านต่อ: เบื้องหลังตัวละคร "ราชินีอิสราวดี"
Behind the Character: Queen Isarawadee

✍️ไปหน้ารวมเบื้องหลังนิยาย
Behind the books

Thursday, June 26, 2025

(TH/EN) รักแมว…แต่กลัวการจากลา Loving Cats… But Afraid of Goodbyes

 🐾 ฉันเป็นคนหนึ่งที่รักแมวมาก ตั้งแต่จำความได้ บ้านของฉันก็มีแมวอยู่เสมอ บางตัวมีคนให้มา บางตัวก็เป็นแมวจรจัดที่หลงทางมา เหมือนมันเลือกบ้านเราเป็นที่พักพิง และเรา…ก็ยินดีต้อนรับเสมอ

ฉันรักมันทุกตัว รักแบบไม่มีเงื่อนไข แม้จะรู้ตัวดีว่าเราเป็นภูมิแพ้ก็ตาม บางวันจามจนตาแดง แต่ก็ยังจะอุ้ม ยังจะกอด พวกมันก็เหมือนเป็นเพื่อน เป็นครอบครัว อยู่ด้วยกันทุกวัน กินข้าวพร้อมกัน หลับในห้องเดียวกัน บางครั้งก็เถียงกันเหมือนพี่น้อง


แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันไม่เคยชินเลย คือ…การจากลา


แมวของฉัน เมื่อมันโตขึ้น มันก็ซน มันออกไปเที่ยวเล่นตามประสาอิสระที่แมวพึงมี และหลายครั้งมันไม่เคยกลับมาอีกเลย หรือกลับมาก็ในสภาพที่ไม่มีลมหายใจ ฉันจำได้แม่นทุกครั้งที่คุณตาของฉันอุ้มร่างเล็ก ๆ นั้นไว้แล้วพาฉันไปช่วยฝังศพของมัน หัวใจฉันเหมือนถูกฉีกออก ฉันร้องไห้แทบขาดใจ เศร้าอยู่นานมาก บางครั้งไม่ใช่แค่เสียใจ แต่มันกลายเป็นหลุมเล็ก ๆ ที่ฝังอยู่ในใจ

ชีวิตวนลูปอยู่อย่างนี้เสมอ แมวจากไป ตัวใหม่ก็เข้ามา ฉันรักมันอีก แล้วมันก็จากไปอีก

ตอนเด็ก ๆ ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมแมวเราต้องตายบ่อยนัก พอโตขึ้นถึงได้รู้…ว่าบ้านเราติดถนนใหญ่ พวกมันถูกรถชน ทั้งที่มันแค่เดินเล่นเหมือนทุกวัน

จุดเปลี่ยนของฉันคือช่วงเข้ามหาวิทยาลัย ตอนนั้นก็ยังมีแมว แมวจรจัดตัวหนึ่งที่บ้านเราอุปการะเลี้ยงไว้ แล้วมันคาบลูกมาให้เลี้ยงอีกสามตัว เหมือนมันเลือกแล้วว่าที่นี่จะปลอดภัย และแน่นอน…ครอบครัวเราก็รับมันไว้

พวกมันโตขึ้นมาน่ารักมาก ฉันรักพวกมันอีกครั้ง รักแบบที่คิดว่าโตแล้วคงไม่เสียใจเท่าเดิม แต่ไม่ใช่เลย…วันหนึ่งพวกมันทยอยจากไป ฉันร้องไห้เหมือนเดิม และครั้งนี้ฉันรู้สึกว่านี่เราเป็นอะไร เราโตขนาดนี้แล้วยังร้องไห้กับเรื่องเดิม ๆ เหมือนตอนเด็กๆ และฉันซึมไปเลย

และนั่นแหละ คือวันที่ฉันตัดสินใจหยุดเลี้ยงแมว

ไม่ใช่เพราะไม่รัก แต่เพราะไม่อยากต้องเสียใจอีกแล้ว

ทุกวันนี้ เมื่อมีแมวจรจัดเข้ามาในบ้าน ครอบครัวยังอุปการะพวกมันเหมือนเคย ส่วนฉัน…ยังรักเหมือนเดิม แต่ขออยู่ห่าง ๆ ไม่ผูกพันจนมากเกินไป

ฉันเรียนรู้ว่าความรักไม่ได้แปลว่าต้องครอบครอง บางครั้งการมองจากระยะไกล เห็นแมวของคนอื่นมีความสุข ได้รับความรักและการดูแล แค่นั้น…ฉันก็มีความสุขแล้ว


ฉันรักแมวเสมอ และจะรักตลอดไป แต่ขอเลือกไม่ผูกพันอีก เพื่อปกป้องหัวใจของตัวเอง


Translated 🇬🇧


Loving Cats… But Afraid of Goodbyes

🐾 I’m someone who deeply loves cats. For as long as I can remember, there were always cats in my home. Some were given to us, while others were strays that wandered in, as if they chose our home as their safe haven. And we… we always welcomed them with open arms.

I loved each and every one of them, unconditionally—even though I knew I was allergic. Some days, I would sneeze until my eyes turned red, but I still held them close, still hugged them. They were like friends, like family. We spent every day together, ate together, and even slept in the same room. Sometimes, we argued like siblings too.

But one thing I could never get used to… was saying goodbye.

As my cats grew older, they became more playful, more adventurous. They would wander off, exploring the world as freely as cats do. Many times, they never returned. Or if they did, it was without life. I vividly remember every time my grandfather carried their small, lifeless bodies and took me with him to bury them. My heart felt like it was torn apart. I cried until I could hardly breathe. The sadness lingered for a long time. Sometimes, it wasn’t just sorrow—it felt like a little hole had been carved into my heart.

Life went on in this loop. One cat left, another came. I loved again… and lost again.

As a child, I never understood why my cats died so often. It wasn’t until I grew older that I realized… our house was next to a busy road. They were hit by cars. All they had done was go for a walk, like every other day.

The turning point came when I entered university. At that time, we still had cats—strays that we took in, one of which even brought her kittens to our house. It was as if she knew this was a safe place. And of course… my family took them in.

They grew up to be adorable. I loved them once more, thinking that perhaps, now that I was grown, I wouldn’t be as heartbroken as before. But I was wrong… One by one, they passed away. And I cried, just like I used to. But this time, I started questioning myself—why am I still crying over the same thing, even as an adult? I fell into a quiet sadness.

And that was the day I decided to stop raising cats.

Not because I stopped loving them, but because I didn’t want to be heartbroken anymore.

Nowadays, when stray cats come to our home, my family still takes them in. As for me… I still love them, just from a distance. I try not to get too attached.

I’ve learned that love doesn’t always mean possession. Sometimes, watching from afar, seeing someone else’s cat happy, well-cared for, and loved—that’s enough for me. It brings me peace.


I will always love cats, forever. But I choose not to get too close anymore… to protect my own heart

เจ้าหมี แมวตัวสุดท้ายของฉัน
My last cat 🥹
💛Read more

Tuesday, June 24, 2025

(TH/EN)🎬 เบื้องหลังการทำ Book Trailer ตัวที่ 2 ของ “องค์หญิงรัชทายาท” Behind the Scenes of “The Crown Princess” Book Trailer #2



| The Crown Princess: In Her Silence


หลังจากที่ได้ลองทำ Book Trailer ตัวแรก ฉันก็เริ่มรู้สึกสนุกกับการสื่อสารเรื่องราวผ่านภาพเคลื่อนไหว จึงตั้งใจจะทำตัวที่สองออกมาให้แตกต่าง และเข้าถึงอารมณ์ตัวละครมากขึ้น


🔍 จุดเริ่มต้น…คือ “เพลง” เช่นเคย

ฉันลองฟังหลายเพลง จนสุดท้ายได้มา 2 เพลงที่น่าสนใจมาก

เพลงแรกมีจังหวะดราม่าตื่นเต้น

เพลงที่สองเต็มไปด้วยความหม่นใจและเศร้าในอารมณ์


ฉันย้อนกลับมาคิดถึงเนื้อหาในนิยาย ที่มีทั้งความเข้มข้นและความเจ็บปวด จึงต้องตัดสินใจว่าจะเลือกถ่ายทอดเรื่องราวแบบไหน

สุดท้าย…ฉันเลือกเพลงที่เศร้าแต่สวยงาม เพื่อบอกเล่า “ความเจ็บปวดเงียบๆ” ในหัวใจของตัวละครหลักอย่าง องค์ราชินี— หญิงสาวผู้ต้องแบกภาระของบัลลังก์ แต่กลับต้องเผชิญกับความหวั่นไหวในหัวใจ เมื่อ “เธอ” คนนั้นเข้ามาใกล้


🎥 ในด้านภาพ ฉันยังคงใช้ ภาพเชิงสัญลักษณ์ เช่นเดิม ทั้งฉากพระราชวัง เทียนที่จุดไว้บนเชิง บัลลังก์ มงกุฎ แสงแดด และเงา…

แต่เพิ่มเติมในครั้งนี้คือ ฉันได้นำภาพตัวละครจากหน้าปก มาทำให้ “เคลื่อนไหว”

การเห็นใบหน้าและสายตาที่สื่ออารมณ์ของตัวละคร ทำให้ฉันรู้สึกได้ใกล้ชิดกับตัวละครมากขึ้น

ฉันใช้เวลาหลายชั่วโมงในการจัดลำดับภาพ ปรับแสง สี จังหวะ และคำบรรยายให้กลมกลืน

และเมื่อทุกอย่างรวมกันแล้ว…ฉันรู้สึกได้ทันทีว่า นี่คือ Book Trailer ที่มีหัวใจ


แม้จะไม่มีเครื่องมือระดับมืออาชีพ 

แต่นี่คือผลงานที่ฉันภูมิใจที่สุดอีกชิ้นหนึ่ง

และอยากชวนทุกคนไปรับชม — เพื่อสัมผัสความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ใน ความเงียบงัน ขององค์ราชินี


💛 ขอบคุณทุกคนที่ติดตามและสนับสนุนเสมอ


– นักเขียนอิสระผู้ยังคงเรียนรู้ทุกวัน

Maewtaotaofu

องค์หญิงรัชทายาท🎥 behind the Scenes – Trailer #1


🌐Translated to English

 Behind the Scenes of “The Crown Princess” Book Trailer #2

| The Crown Princess: In Her Silence

After creating my very first book trailer, I found myself enjoying the process of storytelling through moving visuals. So, I set out to create the second trailer—this time with a different tone, one that would delve deeper into the emotions of the main character.

🔍 It all began, once again, with music.

I spent a long time listening to dozens of tracks and eventually narrowed it down to two:

One had an intense, dramatic rhythm.

The other carried a haunting, sorrowful beauty.

I thought about the story—how it’s filled with both powerful moments and quiet pain. I had to choose just one direction.

In the end, I chose the sorrowful melody. It felt perfect for expressing the silent ache in the Queen’s heart—a woman burdened by the weight of the throne, yet shaken by the someone.

🎥 For the visuals, I continued to use symbolic imagery, like palace halls, glowing candles, a throne, a crown, sunlight, and shadows…

But this time, I added something new: animated character portraits taken from the book cover.

Seeing their expressions come to life—their eyes filled with emotion—made me feel closer to the characters than ever before.

I spent hours aligning each frame, adjusting light, color, pacing, and subtitles to match the emotion of the music.

And when everything came together, I truly felt:

This trailer has a heart.


Though I don’t have professional tools or a team,

this has become one of the creations I’m most proud of.

And I would love to share it with you—

so you can glimpse the quiet longing that lives in the Queen’s silence.


💛 Thank you to everyone who’s followed and supported me through this journey.


– An indie author, still learning every day

Maewtaotafu


องค์หญิงรัชทายาท🎥 behind the Scenes – Trailer #1

Monday, June 23, 2025

(TH/EN) 🎬 เบื้องหลังการทำ Book Trailer ตัวแรกของ “องค์หญิงรัชทายาท” Behind the Scenes of My First Book Trailer: The Crown Princess




| The Crown Princess: A Queen’s duty begins


การเริ่มต้นทำ Book Trailer ครั้งแรกของฉันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยค่ะ โดยเฉพาะเมื่อเป็นนักเขียนมือใหม่ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านวิดีโอมาก่อน และไม่มีทีมงานหรือเครื่องมือระดับมืออาชีพ มีเพียงแรงบันดาลใจ ความตั้งใจ และความรักในเรื่องราวที่ฉันเขียน

สิ่งแรกที่ฉันเริ่มหา คือ เพลงประกอบที่ไม่ติดลิขสิทธิ์

ฉันใช้เวลานานมากในการฟังเพลงหลายสิบเพลง ทั้งจากคลังฟรีอย่าง Pixabay และ YouTube Library

กระทั่งมาเจอกับเพลงหนึ่งที่มีทำนองตื่นเต้นและน่าเกรงขาม — มันพอดีกับ คาแร็กเตอร์ของราชินีนักรบ อย่างไม่น่าเชื่อ แค่ฟังขึ้นต้น ฉันก็รู้สึกได้ถึง “บรรยากาศแห่งอำนาจ หน้าที่ และความขัดแย้งในใจ”

เมื่อได้เพลงแล้ว ฉันเริ่มค่อย ๆ เลือกภาพประกอบ

ฉันไม่ได้ใช้ภาพตัวละครทั้งหมด จึงใช้วิธีคัดภาพบรรยากาศที่สื่อถึงอารมณ์แทน

มีทั้งภาพพระราชวัง ห้องประชุมของราชสำนัก หัวเมืองเหนือ กองทัพ มงกุฎ ดอกไม้ และภาพองค์ราชินีในชุดนักรบพร้อมธนูอาวุธคู่กายของพระองค์ ทั้งหมดนี้ฉันเลือกให้ ตรงกับธีมของเรื่อง: ราชินีนักรบผู้ต้องแบกรับหน้าที่ ความหวังของบ้านเมือง และหัวใจของพระองค์เอง

ฉันใช้เวลาเกือบสองวันในการจับจังหวะของภาพให้ตรงกับอารมณ์ของเพลง

บางช่วงต้องย้อนกลับไปปรับซับไตเติลหลายรอบ เพื่อให้ถ้อยคำสื่อสารสิ่งที่ พระองค์ต้องเผชิญในฐานะราชินีพระองค์แรกของอาณาจักร


สิ่งที่ทำให้ฉันยิ้มได้แม้ไม่มีทีมงานหรือยอดวิวมากมาย คือ

ทุกเฟรมใน Trailer นี้ ฉันทำด้วยใจ

และหวังเพียงว่ามันจะพาผู้ชม “เข้าไปเห็นหัวใจของราชินี” ได้สักนิดสักหน่อย


ขอบคุณทุกคนที่คลิกดู trailer นะคะ


– นักเขียนอิสระผู้เริ่มจากศูนย์

และจะยังเขียนต่อไปด้วยใจรัก 💛

แมวเทาเท้าฟู


-->อ่านต่อเบื้องหลังองค์หญิงรัชทายาท🎥 Behind the Scenes– Trailer #2


Translated to English 🇬🇧

🎥Behind the Scenes of My First Book Trailer: The Crown Princess


| The Crown Princess: A Queen’s duty begins

Creating my first book trailer wasn’t easy—especially as a new author with no background in video editing, no professional team, and no advanced tools. All I had was inspiration, determination, and a deep love for the story I wrote.

The very first thing I searched for was a royalty-free soundtrack.

I spent hours listening to dozens of tracks on sites like Pixabay and YouTube Library, until I found one with a thrilling and majestic tone. It felt incredibly fitting for the character of the warrior queen. From the very first notes, I could already sense the atmosphere of power, duty, and inner conflict.

Once the music was chosen, I started selecting the visuals.

I didn’t use full illustrations of the characters, so I focused on atmospheric imagery that conveyed emotion: palaces, council halls, northern provinces, armies, a crown, flowers, and glimpses of the queen in her warrior’s attire, holding her signature bow.

Every image was chosen to match the theme of the story — a warrior queen burdened by duty, the hopes of her people, and the weight of her own heart.

It took me nearly two days to sync the visuals with the rhythm of the music.

Some scenes had to be revised several times to make sure the subtitles captured what the queen was facing — as the very first reigning monarch of her kingdom.


What makes me smile, despite not having a big production team or high view counts,

is knowing that every frame in this trailer was created from the heart.

And I hope it allows the audience to catch a glimpse — even just a little — of the queen’s inner world.


Thank you to everyone who watched the trailer. 💛


– An independent author who started from zero,

and still writes with love every day.

Maewtaotaofu


องค์หญิงรัชทายาท🎥 Behind the Scenes– Trailer #2



Saturday, June 14, 2025

ทำไมถึงแปลนิยายของตัวเองเป็นภาษาอังกฤษ (ทั้งที่ไม่ได้เก่งอังกฤษขนาดนั้น)



จริง ๆ แล้ว... ฉันไม่ได้วางแผนมาก่อนเลยว่าจะมาแปลนิยายที่ตัวเองเขียนเป็นภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง แต่เรื่องมันเริ่มจากคนใกล้ตัวของฉัน (หรือจะเรียกว่าเพื่อนที่เชียร์อยู่ไกล้ ๆ ก็ได้) เขาแนะนำว่า “ลองลงขายใน Amazon ดูสิ”

ฉันก็เลยไปหาข้อมูล แล้วก็เจอว่า Amazon Kindle ยังไม่รองรับการขายอีบุ๊คภาษาไทยแบบเต็มที่ เลยคิดว่าคงต้องแปลเป็นฉบับภาษาอังกฤษก่อนถึงจะวางขายได้ แล้วฉันก็เป็นนักเขียนมือใหม่มาก ๆ ที่ไม่มีใครรู้จัก จะไปจ้างนักแปลก็... เอ่อ แพงมากค่ะ แบบจริงจัง และนิยายของฉันก็ไม่ได้โด่งดังขนาดที่จะลงทุนจ้างมืออาชีพหลายหมื่นได้ 

สุดท้ายเลยกลับมานั่งคิดว่า “แปลเองเลยแล้วกัน” ไม่ได้เป๊ะมากก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็เป็นเวอร์ชั่นที่ตั้งใจแปลเอง💪

ตอนเริ่มแปลก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ก็มีผู้ช่วยอยู่หลายคนค่ะ (หมายถึง AI นี่แหละ):

  • Google Translate — ใช้แปลร่างแรกแบบเร็ว ๆ ไว้ดูก่อนว่าประโยคจะออกมาแนวไหน
  • Copilot — มาช่วยเกลาภาษาให้ฟังดูเป็นธรรมชาติขึ้น
  • ChatGPT — ช่วยเรื่องโครงสร้าง สำนวน หรือให้ไอเดียคำแปลที่สละสลวยมากขึ้น
  • Longman Language Activator — ดิกชันนารีเล่มโต ที่เปิดทุกครั้งเวลาติดเรื่อง “จะใช้คำไหนดี”

แน่นอนว่าไม่ได้แปลได้เป๊ะเหมือนเจ้าของภาษา แต่ฉันก็ใส่ใจทุกประโยค และอยากให้คนอ่านต่างชาติได้สัมผัสถึงอารมณ์ของเรื่อง — แม้จะมีข้อจำกัดด้านภาษาอยู่บ้างก็ตาม

บางคนอาจสงสัยว่าแล้วจะคุ้มไหม... สำหรับฉัน มันคุ้มตรงที่เราได้ลองข้ามขีดจำกัดของตัวเอง ได้เรียนรู้ไปเรื่อย ๆ แล้วยิ่งถ้ามีนักอ่านผ่านมาอ่านสักคนก็ดีใจที่สุดแล้วค่ะ

ชมผลงานของแมวเทาเท้าฟูทั้งหมดได้ที่นี่

รวมทุกเล่มที่เขียน ทั้งฉบับภาษาไทยและภาษาอังกฤษ นิยาย นิทานกลอน และหนังสือสร้างแรงบันดาลใจ

ไปยังหน้ารวมผลงาน

Tuesday, June 10, 2025

A New Writer’s Journey: From Dreams to Relentless Effort (EN)



Translated 

When I first started writing fiction, I had no idea how far I could go. I simply began—driven by my love for words and a small dream: to have someone read the love stories I created, to bring joy to even just one reader.


In between the long, exhausting hours of my day job, I wrote little by little. One chapter at a time, I learned and grew. I had no formal background in writing fiction. I had never read a yuri novel. I didn’t have sharp techniques or polished skills. But I had a heart full of stories waiting to be told—and I believed that was enough to start.


Along the way, I learned new words I had never used before.

I practiced writing poetry.

I experimented with tools like Canva to design my own book covers.

I found the courage to share my work with complete strangers.

And on the day I sold my first eBook—even if it was just a few copies—my heart swelled with indescribable joy.


Of course, there were times I felt discouraged.

When the view count froze despite offering free chapters.

When no one left a comment.

When someone’s words made me feel like my writing wasn’t worth much.


But every time, I asked myself the same question:

“Do I love this?”

And the answer was always: “Yes.”

That answer was enough to bring me back in front of the screen again.


I still publish my stories one chapter at a time, slowly building my reader base.

I still promote my work sincerely, even if most readers remain silent.

I still write poetry no one asked for—

Because it is my love. ♥️


I don’t know where this writer’s path will ultimately lead.

But at the very least, I’ve learned that taking action gives my dream a place to stand.

Even if I stumble, take breaks, or cry along the way—

As long as I can get back up and write again,

This dream is not over.


I’m not there yet.

But I haven’t given up.

And I believe every step, no matter how slow, still matters.


Thank you to myself—for never giving up. 💪

Thank you to every reader who clicked in, even just once. 🙏🏼

And thank you to this world, and to every platform that still gives me a space to tell the stories I want to tell…


📖 This article was written to encourage myself—and I hope it might inspire someone else too. ✌️

Read more for inspiration  

Articles

Sunday, June 8, 2025

The Crown Princess— Even queens have quiet doubts.


She rules a kingdom — but battles with silence.
Queen Isarawadee bears not only the crown, but the crushing weight of what others expect her to be.
This poem reveals a fleeting yet powerful truth:
Even those who seem strongest can feel the sharp edge of doubt.

The Crown Princess is a sapphic period romance woven with tenderness, inner storms, and the unspoken strength of love that sees through every mask.

Now in paperback & Kindle. Available on Amazon

#GL #SapphicRomance #GirlLove 

Thursday, June 5, 2025

คืนเดือนดับ: ความเชื่อ พลังลึกลับ และคำแนะนำเสริมพลังใจ

 

คืนเดือนดับคืออะไร?

คืนเดือนดับ หรือที่รู้จักกันในทางจันทรคติว่า “วันอมาวสี” คือคืนที่พระจันทร์ไม่ปรากฏบนท้องฟ้า เป็นคืนที่ท้องฟ้ามืดสนิท ปราศจากแสงจันทร์โดยสิ้นเชิง ในหลายวัฒนธรรมรวมถึงในไทย อินเดีย และประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คืนเดือนดับมีความหมายทางจิตวิญญาณและไสยศาสตร์ที่ฝังรากลึกมายาวนาน

คืนเดือนดับในความเชื่อไทย

ในความเชื่อพื้นบ้านของไทย คืนเดือนดับมักถูกมองว่าเป็นคืนที่ พลังลึกลับหรือพลังด้านมืดแรงขึ้น เนื่องจากขาดพลังแห่งแสงที่ช่วยปกป้องมนุษย์จากสิ่งชั่วร้าย เชื่อกันว่าเป็นช่วงเวลาที่ ผี วิญญาณเร่ร่อน หรือพลังงานลบ เคลื่อนไหวได้สะดวก และยังเป็นเวลาที่นักไสยศาสตร์ใช้ทำพิธีต่าง ๆ เช่น ปลุกเสน่ห์ ลงของ หรือเรียกจิต

แม้จะฟังดูน่ากลัว แต่ก็มีอีกด้านหนึ่งที่เชื่อว่าคืนเดือนดับคือช่วงเวลาที่ดีในการ ล้างพลังลบ ตั้งจิตนิ่ง และเริ่มต้นใหม่ ด้วยความสงบและสติ

ดีวาลี: ตัวอย่างคืนเดือนดับที่เปี่ยมด้วยแสงแห่งศรัทธา🪔

เทศกาลดีวาลี (Diwali) ปี 2025 ตรงกับวันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม . วันนี้เป็นวันสำคัญที่สุดของเทศกาล ซึ่งตรงกับวันอมาวัสยา (Amavasya) หรือคืนเดือนดับของเดือนการติกะ (Kartik) ตามปฏิทินฮินดู

ชาวฮินดูจะทำความสะอาดบ้าน แต่งตัวสวยงาม บูชาพระลักษมี (เทวีแห่งความมั่งคั่ง) และเฉลิมฉลองร่วมกับครอบครัว ภาพของดีวาลีจึงเป็นตัวอย่างที่งดงามของการใช้ “คืนที่มืด” เพื่อสร้าง “แสงสว่างในใจ”

คำว่า “ดีวาลี” มาจากภาษาสันสกฤต “ทีปาวลี (Deepavali)”

วิธีกำหนดวันดีวาลี:
ดีวาลีจะตรงกับ วันอมาวสี (วันเดือนดับ)
ในเดือน การติกะ (Kartik) ของปฏิทินฮินดู
ซึ่งมักตรงกับช่วง ปลายตุลาคมถึงกลางพฤศจิกายน ของปฏิทินสากล
วันเดือนดับนี้ต้องเป็น “คืนเดือนดับของครึ่งเดือนหลัง” ของเดือนการติกะเท่านั้น

💡คำแนะนำ: เสริมพลังใจในคืนเดือนดับ

แม้จะมีความเชื่อด้านลบเกี่ยวกับคืนเดือนดับ แต่เราสามารถเลือกที่จะใช้มันเป็นโอกาสในการดูแลจิตใจและเสริมพลังให้ตนเองได้ ด้วยวิธีดังนี้:

1. สวดมนต์ก่อนนอน
ใช้บทสวดอย่าง ชินบัญชร, อิติปิโสฯ, หรือคำอธิษฐานที่คุณศรัทธา เพื่อเสริมพลังด้านบวกให้จิตใจสงบและมั่นคง

2. จุดเทียนหรือตะเกียงเล็ก ๆ 🕯
แสงเล็ก ๆ จากเทียนเป็นตัวแทนของพลังชีวิตและความหวัง ช่วยขับไล่ความกลัวและความกังวล

3. เขียนสิ่งที่อยากปล่อยทิ้ง แล้วเผา
เขียนความคิดลบ ความกลัว หรือเรื่องที่หนักใจลงกระดาษ แล้วจุดไฟเผาทิ้ง เป็นสัญลักษณ์ของการปล่อยวางและเริ่มต้นใหม่

4. อยู่กับคนที่ทำให้คุณรู้สึกปลอดภัย
ไม่จำเป็นต้องหลีกหนีความมืด เพียงแค่มี “แสงในใจ” ร่วมกับคนที่รักและเข้าใจ ก็เพียงพอแล้ว

5. ไม่ควร
เดินทางไกล หรือเดินคนเดียวในที่เปลี่ยว
เปิดช่องทางจิต เช่น การเล่นผีถ้วยแก้ว หรือสื่อวิญญาณ
รับของที่มีเจตนาไม่แน่ชัดจากคนอื่น


คืนเดือนดับไม่จำเป็นต้องเป็นคืนแห่งความหวาดกลัว หากเรามองด้วยใจที่เปิดกว้าง มันอาจเป็น ช่วงเวลาแห่งการทบทวน ปล่อยวาง และเริ่มต้นใหม่อย่างสงบ เช่นเดียวกับแสงตะเกียงนับพันดวงในคืนดีวาลี ที่เปลี่ยนความมืดให้เป็นความหวัง

บางครั้ง ความเงียบที่สุด อาจเป็นเวลาที่ใจเราเปล่งแสงที่สุดก็ได้✨

หากคุณชอบบทความนี้ อย่าลืมกดแชร์หรือบันทึกไว้เพื่อกลับมาอ่านในคืนที่ต้องการพลังใจนะคะ


ติดตามและสนับสนุนนักเขียน 

Support | Social Media

Tuesday, June 3, 2025

ขนาดปกอีบุ๊ค และเทคนิคการจัดวางข้อความบนปกให้น่าอ่าน & รองรับหลายแพลตฟอร์ม

ต้องออกตัวก่อนว่าฉันเองก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ แต่ตั้งใจเขียนบทความนี้เพื่อเป็นทั้งคู่มือให้ตัวเอง และเป็นประโยชน์ให้กับผู้ที่เริ่มต้น

เริ่มด้วยที่ 💡ขนาดปกอีบุ๊คที่แนะนำ

ขนาดปกแนะนำ



ebook เปิดใน Apple books (1600*2400 px)


✍️ เทคนิคการจัดวางข้อความบนปก eBook ให้น่าอ่าน & รองรับหลายแพลตฟอร์ม


1. อย่าให้ข้อความชิดขอบภาพ

เพราะแต่ละแพลตฟอร์มอาจ crop อัตโนมัติ โดยเฉพาะบนแอปมือถือ

✅ แนะนำ:

เว้นขอบโดยรอบอย่างน้อย 100–150 px

ใช้ safe zone กลางภาพในการวางชื่อเรื่องและชื่อนักเขียน


2. เลือกขนาดฟอนต์ที่อ่านได้แม้ใน thumbnail

ปกนิยายจะถูกย่อเหลือแค่ภาพเล็กมาก ๆ ในแอปหรือเว็บแสดงผล

✅ แนะนำ:

หัวเรื่องหลัก (Title) ควร ใหญ่ ชัด ตัดกับพื้นหลัง

หลีกเลี่ยงฟอนต์บางหรือมีลูกเล่นเยอะเกินไป

ลองย่อภาพเหลือขนาดประมาณ 300 x 480 px ดูว่ายังอ่านได้ไหม


3. อย่าวางชื่อเรื่องซ้อนกับจุดที่มีลายซับซ้อน

ภาพปกสวย แต่ถ้าข้อความจมหาย คนจะไม่รู้ว่าเรื่องเกี่ยวกับอะไร

✅ แนะนำ:

ใช้แถบโปร่งใส หรือเงาดำบาง ๆ ใต้ข้อความ

หรือหาพื้นที่เรียบ (เช่นมุมบน/ล่าง) เพื่อจัดวาง title โดยเฉพาะ


4. วางชื่อผู้เขียนให้ชัด แต่ไม่แข่งกับชื่อเรื่อง

ผู้อ่านมักมองชื่อเรื่องก่อนชื่อคนเขียน

✅ แนะนำ:

วางไว้ด้านล่างของภาพ หรือมุมขวาล่าง

ใช้ฟอนต์เล็กกว่าชื่อเรื่อง 1–2 ระดับ


5. ทดสอบความน่าดึงดูดด้วย “กฎ 3 วินาที”

เปิดปกในหน้ารวม eBook บนแอปหรือเว็บ แล้วดูว่าสะดุดตาไหมภายใน 3 วินาที

ถ้าไม่…อาจต้องปรับโทนสี, ตัวอักษร หรือองค์ประกอบภาพใหม่


📍สำหรับงานเขียนของตัวเองเล่มแรก เห็นได้ชัดเลยว่าพอภาพออกมาเล็กอ่านชื่อเรื่องหรือ แท็กไลน์แทบไม่เห็น ตอนทำฉบับภาอังกฤษจึงปรับตำแหน่งและขนาดของข้อความต่างๆ ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ และต้องขอขอบคุณนักอ่านทุกท่านให้กำลังใจนักเขียนมือใหม่คนนี้ สัญญาว่าจะพัฒนาต่อไป💪


อ่านเทคนิคอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่นี่ 

ไปหน้ารวมสาระความรู้

ติดตามและสนับสนุนนักเขียน 

Support | Social Media


Sunday, June 1, 2025

การใช้เงินตราในยุคโบราณ: จุดเริ่มต้น วิวัฒนาการ และพัฒนาการของเงินในประเทศไทย

เงินตรา เป็นสิ่งที่เราใช้กันจนคุ้นเคยในชีวิตประจำวัน แต่รู้หรือไม่ว่าแนวคิดเรื่อง “เงิน” นั้นเกิดขึ้นมานานนับพันปีแล้ว และวิวัฒนาการของเงินตราได้สะท้อนถึงความก้าวหน้าของมนุษยชาติ ตั้งแต่สังคมเกษตรดั้งเดิมจนถึงโลกดิจิทัลในปัจจุบัน

ในบทความนี้เราจะพาคุณย้อนกลับไปสำรวจ จุดเริ่มต้นของการใช้เงินตราในยุคโบราณ, วิวัฒนาการของระบบเงินทั่วโลก รวมถึง พัฒนาการของเงินในประเทศไทย ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน


จุดเริ่มต้นของการใช้เงินตราในโลก

ก่อนจะมีเงินตรา มนุษย์ใช้ การแลกเปลี่ยนสิ่งของ (barter system) เช่น แลกข้าวกับปลา หรือผ้ากับเกลือ แต่เมื่อสังคมขยายตัว การแลกเปลี่ยนเริ่มซับซ้อน จึงต้องมี “ตัวกลาง” ที่ทุกคนยอมรับเป็นค่ากลาง ซึ่งนำไปสู่แนวคิดของ เงินตรา

การกำเนิดของเงินตราโลหะ

หลักฐานชิ้นแรกของเงินตราโลหะพบใน อาณาจักรลิเดีย (Lydia) บริเวณเอเชียไมเนอร์ ปัจจุบันคือประเทศตุรกี
มีอายุราว 700 ปีก่อนคริสตกาล ใช้โลหะผสมระหว่างทองคำและเงิน (electrum) และมี ตราราชวงศ์ประทับบนเหรียญ เพื่อยืนยันความถูกต้อง

จากนั้นเงินตราเริ่มแพร่หลายไปยังอารยธรรมต่าง ๆ เช่น
จีน – ใช้เงินมีด เงินจอบ
อินเดีย – ใช้เหรียญเงินมีตรา
กรีก–โรมัน – มีเหรียญทอง เหรียญเงิน ใช้ในราชการและทหาร

🗡เงินมีด (Knife Money – 刀币)
เป็น เหรียญโลหะรูปคล้ายมีด หรือเคียวเล็ก ๆ
ทำจาก สำริด (ทองแดงผสมดีบุก)
มีด้าม แบน มีคมปลอม ๆ แต่ไม่ได้ใช้เป็นอาวุธจริง
🪏เงินจอบ (Spade Money – 布币)
เป็นเหรียญโลหะรูป จอบหรือพลั่วเล็ก ๆ
ทำจาก สำริด เช่นกัน
ลักษณะคล้ายเครื่องมือเกษตร เพราะ “จอบ” เคยเป็นสิ่งมีค่าที่ใช้แลกของจริง

วิวัฒนาการของเงิน: จากเหรียญสู่ดิจิทัล

1. เงินโลหะ – ทองคำ เงิน ทองแดง ปั๊มตรา/ตีตรา
2. ธนบัตร – เริ่มจาก “ใบสัญญา” หรือ “ตั๋วเงิน” ที่ออกโดยธนาคาร → กลายเป็นเงินกระดาษที่รัฐบาลรับรอง
3. บัตรอิเล็กทรอนิกส์ – เงินพลาสติก บัตรเครดิต บัตรเดบิต
4. เงินดิจิทัล – Mobile banking, E-wallet และ สกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) ที่ไม่มีตัวตนจับต้องได้ แต่ใช้ซื้อขายได้จริง

฿วิวัฒนาการของเงินในประเทศไทย🪙


ประเทศไทยมีการใช้เงินมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยพัฒนาไปตามอิทธิพลของการค้า วัฒนธรรม และอำนาจรัฐ

สมัยทวารวดี – ศรีวิชัย

มีการใช้เงินตราโลหะปั๊มตราอักษรพราหมี/ภาพสัญลักษณ์
ใช้ควบคู่กับการแลกเปลี่ยนด้วยเปลือกหอย เกลือ หรือของมีค่า

สมัยสุโขทัย – อยุธยา

ใช้ “พดด้วง” ซึ่งเป็นเงินแท่งที่ตีเป็นก้อนกลม
มีตราประทับ เช่น รูปจักร, พระอาทิตย์, รูปสัตว์
ใช้ทอง เงิน และทองแดง ตามมูลค่าและความจำเป็น

สมัยรัตนโกสินทร์

รัชกาลที่ 4 เริ่มออก เหรียญกษาปณ์แผ่นกลม ตามแบบสากล
มีการตั้ง “โรงกษาปณ์” และควบคุมโดยรัฐบาล

ปัจจุบัน

ใช้ ธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ อย่างเป็นระบบ
ควบคุมโดย ธนาคารแห่งประเทศไทย
พัฒนาเข้าสู่ ระบบอิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบ ผ่าน mobile banking และ QR code

💰บทส่งท้าย: เงินตราคือกระจกสะท้อนสังคม

จากเหรียญเงินในยุคอาณาจักรลิเดีย ถึงแอปโอนเงินบนมือถือในปัจจุบัน
เงินตรา ไม่ได้เป็นเพียงตัวกลางในการแลกเปลี่ยน แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของ “ความเชื่อ” และ “ความไว้วางใจ” ที่มนุษย์มีต่อระบบเศรษฐกิจ

ประเทศไทยเองก็มีพัฒนาการที่น่าสนใจ ผ่านรูปแบบเงินตราหลากหลายที่สะท้อนอำนาจ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของผู้คนในแต่ละยุค


ติดตามและสนับสนุนนักเขียน 

Support | Social Media

🎉All time Popular Posts✨